จากกรณี เพจ Plai Navaracha หมอปลาย พรายกระซิบ เผยภาพล่าสุด หมอปลาย นุ่งห่มเหลืองบวชเป็นสามเณรี หลังเดินทางไปศรีลังกา พร้อมทั้งเผยว่า สามเณรี “สุทัสสนา” คือนามใหม่ของหมอปลาย พรายกระซิบ เหลือเพียงอีกหนึ่งลำดับ คือการสอบเพื่อเป็นภิกษุณี มาร่วมให้กำลังใจ สามเณรี สุทัสสนา ให้ทำสำเร็จดังที่ปรารถนาไปด้วยกันนะคะ #หมอปลายพรายกระซิบ #หมอปลาย #ลูกศิษย์ท่านยม #สามเณรี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน 65
หมอปลายบวชเป็นสามเณรี สำเร็จแล้ว และความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก่อนการบวชครั้งนี้ก็คือสามเณรีสามารถท่องบทสวดได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆที่ไม่ใช่ภาษาบาลีแบบที่คนไทยคุ้นเคย นั่นหมายความสามเณรีปลายต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด แต่สามเณรีปลายสามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สร้างความประหลาดใจกับพระและภิกษุณีชั้นผู้ใหญ่ที่นั่นเป็นอันมาก
จริงๆแล้วการบวชครั้งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะการติดต่อเพื่อบวชภิกษุณีในศรีลังกานั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้บวชอยู่ในสมณะ สามเณรีเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะเข้าสอบทั้งบทสวดและการปฏิบัติ และยังต้องได้รับเซ็นรับรองจากพระและภิกษุณีชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายละ 20 รูปเสียก่อน จึงจะสามารถเข้าสอบเป็นภิกษุณีได้
แต่หมอปลายยังยืนยันที่จะเดินทางไปศรีลังกา ทั้งๆที่ยังไม่เห็นโอกาสในความเป็นไปได้เลย และหมอปลายก็ทำในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ไห้เกิดขึ้น หมอปลายได้อธิษฐานต่อท่านยมว่า ถ้าอยากให้หมอปลายบวชก็ต้องดลบันดาลให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
ในการเดินทางครั้งนี้หมอปลายได้รับการแนะนำให้เข้าพบกับพระผู้ใหญ่ระดับที่สามารถอนุมัติการบวชได้โดยบังเอิญ เมื่อพูดคุยได้รับทราบถึงความตั้งใจ หลวงพ่อจึงอนุมัติให้การบวชสามเณรีของหมอปลายเกิดขึ้น และยอมให้เข้าสอบร่วมกับคนที่เตรียมตัวมา 1 ปี ซึ่งนั้นหมายความว่า หมอปลายต้องเตรียมตัวสอบเทียบเท่าคนที่อ่านหนังสือมา 1 ปี โดยใช้เวลาเพียง 2 เดือนนั่นเอง
ความเป็นอยู่ที่วัดสุสิลาราสะวิหาร ประเทศศรีลังกา ยากลำบากมาก เพราะเปรียบเสมือนชนบทของศรีลังกา บางที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วยซ้ำ นายเอกซึ่งถึงจะเช่ารถไปใช้ แต่ถ้าจะเติมน้ำมันต้องขับมาเติมในเมือง ซึ่งต้องไปเข้าคิวตั้งแต่ 1 ทุ่ม และ จะได้เติมราวๆเที่ยงคืน
ในอีก 2 สัปดาห์ประมาณวันที่ 6 ก.ค. 65 สามเณรีจะเข้าสอบเพื่อเป็นภิกษุณี ซึ่งหลังจากเป็นภิกษุณีแล้ว จะต้องถือศีลถืง 311 ข้อ มากกว่าพระภิกษุ ซึ่งถือศีลเพียง 227 ข้อ (วินัยของภิกษุณีที่มีมากกว่าพระภิกษุ เพราะผู้หญิงมีข้อปลีกย่อยในการดำรงชีวิตมากกว่าผู้ชาย เช่น ต้องมีผ้ารัดถัน (ผ้ารัดอก) ซึ่งผู้ชายไม่จำเป็นต้องมี เป็นต้น)
โดยสามเณรี สุทัสสนา ได้แจงไว้ก่อนจะมาบวช ว่า หากบวชได้เป็น ภิกษุณี ก็จะปฏิบัติธรรมอยู่ที่ ประเทศศรีลังกา เป็นระยะเวลา 1 ปี ครบกำหนด ก็จะกลับประเทศไทย กลับเป็นฆราวาสต่อไป
การบวชเป็นภิกษุณีแล้วหากเดินทางเข้าประเทศไทย จะต้องไปจำวัดหรือสำนักสงฆ์ ที่มีการรองรับ ภิกษุณี ด้วย และต้องเก็บตัวเงียบปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด หรืออาจจะไปพำนักอยู่ที่บ้านของฆราวาสเป็นการชั่วคราว แต่ต้องเก็บตัวไม่ออกไปไหน ในที่สาธารณะ หากไม่จำเป็น คิดว่า สามเณรี สุทัสสนา เมื่อสามารถบวชเป็นพระภิกษุณี สำเร็จ ท่านคงดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม และ ผ่านไปได้ด้วยดี ขออนุโนทนา ด้วย
แหล่งที่มา ข่าวสด