“แอนนา” นางงามข้าวก้นบาตร แม่เป็นคนกวาดขยะ ส่งเรียนจนจบมหา’ลัย

แห่ชื่นชม แอนนา นางงามข้าวก้นบาตร แม่เป็นคนกวาดขยะ แต่เรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ และถือเป็นอีกหนึ่งผู้เข้าประกวดที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับ แอนนา เสืองามเอี่ยม ผู้ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย นางสาวไทย 2563 ในรอบออดิชั่น โดยชีวิตของเธอนั้นหากนำไปสร้างเป็นละครก็เหมือนละครชีวิตเรื่องยาวเรื่องหนึ่งที่กำลังหาตอนจบว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ซึ่งทาง แอนนา ได้เผยผ่านเพจว่า “แม่แทบไม่มีอะไรให้เลย แต่สมบัติที่เขามีให้อย่างเดียวคือการศึกษา เขาผลักดันเขาพยายามทำงานเยอะๆ เพื่อส่งให้หนูเรียนจบ เขาเก่งมากค่ะ

หนูจะบอกว่าต้นทุนหนูแทบไม่มีเลยค่ะ แต่สิ่งที่หนูพยายามทำให้ต้นทุนหนูดีขึ้นและสิ่งที่หนูมีตอนนี้ ต้นทุนที่หนูมีอย่างเดียวคือการศึกษา การศึกษามันช่วยสอนเราและช่วยผลักดันให้เรามีอนาคตที่ดีขึ้นหนูอยากจะบอกกับทุกๆ คนที่ต้นทุนชีวิตเหมือนหนูหรือชีวิตที่ด้อยกว่าหนู ท้อแท้ได้ หมดกำลังใจได้ แต่อย่าหมดหวัง ต้องเชื่อว่าเราสามารถถีบตัวเองให้มันดีขึ้นกว่านั้นได้ และสิ่งเดียวที่จะทำให้เราดีขึ้นได้ก็คือการศึกษาเพราะเราไม่มีต้นทุนอื่นเลย

ถ้าตั้งใจก็จะสำเร็จในเรื่องต่างๆ หนูเชื่อเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนมองแอนเป็นตัวอย่างว่า แอนก็ไม่มีอะไรเลย ต้นทุนชีวิตแทบจะติดลบด้วยซ้ำ แต่ก็มุมานะ พยายาม กล้าที่จะคิด กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะทำเชื่อว่าทุกๆ คนที่ดูอยู่ อยากให้มีกำลังใจในการศึกษา อยากให้ตั้งใจเรียนให้จบ แล้วจะค้นพบหนทางที่มันไม่ใช่ทางตันเหมือนตอนที่คุณเกิดมาแน่นอน

จากนั้นคุณแม่ของแอนนา ได้มาเปิดใจพูดถึงสมบัติที่แม่ตั้งใจจะมอบให้กับลูกสาวคนนี้ว่า “ความรู้ของเขาค่ะ เช้ามาก็ไปกวาดขยะตั้งแต่เช้า เลิกเที่ยง แล้วก็ไปทำงานแม่บ้าน ได้ 9,000กว่าบาท กวาดถนนได้ 19,000 บาท ไปทำงานต่ออีกก็ได้อีก 6,000 บาท 3 หมื่นกว่าก็ให้ลูก 1 หมื่นกว่าบาท และก็ใช้กินไม่อยากให้เขาอด

ลูกสาวไม่เคยบ่น เขาตั้งใจเรียนมาก แม่ไม่เคยสอนการบ้านลูกเลย ลูกคิดเองทำเอง เขาสู้ เรียนจนเก่ง 500 คน ได้ท็อป สอบได้ที่ 1 แม่ภูมิใจมากค่ะ

เขาเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ภูมิใจค่ะ ไปห้องลูกก็เห็นเหรียญที่เขาได้มา ดีใจมากเลย”แอนนา เล่าชีวิตวัยเด็กให้ฟังว่า ต้องอยู่กับทวด ซึ่งทวดอายุมากเกือบ 90 ปี เป็นแม่ของย่า และเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดช่างเหล็ก ก่อนจะขอพ่อเอาไปอยู่วัดด้วย

ซึ่ง แอนนา เล่าแบบไม่อายว่าชีวิตเธอนั้นเติบโตมาจากข้าวก้นบาตรพระ เนื่องจากแม่ต้องทำงาน 3 ที่ต่อวัน ทำให้เหนื่อยไม่มีเวลาที่จะหาอาหารหรือทำให้ทาน ช่วงที่แม่ไปทำงานตอนเช้า เธอจะอาศัยอยู่กับทวดที่เป็นแม่ชี จึงได้ข้าวก้นบาตรพระมาทานด้วย

แม้ว่าใครๆ จะบอกว่า เด็กไม่สมควรที่จะได้รับข้าวเช้าเป็นข้าวก้นบาตร แต่สำหรับแอนนามันไม่ใช่ แอนนามองว่าถ้าไม่มีข้าวก้นบาตรในวันนั้น คงไม่ทำให้แอนนาเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และการที่ได้อยู่กับคนที่ถือศีลทำให้ได้คำสอนบางอย่างมาปรับใช้กับชีวิตได้ หิ ริโอตตั ปปะ การละอ ายต่อบ าป

มันสอนให้รู้จักว่าการที่จะทำอะไรต้องย้ำคิดย้ำทำก่อน ว่าสิ่งที่ทำจะไปเดือดร้อนต่อคนอื่นหรือไม่ เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะเดือดร้อนต่อคนอื่นหรือเปล่า ถ้าเกิดความกลัว ก็จะไม่ทำในสิ่งที่มันไม่ดี มันเลยนำทางให้ชีวิตของแอนนาเดินทางสายกลางไม่ไปทางไม่ดีก่อนจะบอกว่า ในสังคมปัจจุบันมันสอนอะไรเราหลายๆ อย่าง แสดงให้เห็นว่า คนที่อยู่ในต้นทุนแบบเธอนั้น บางคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อาจจะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ การที่เธอนั้นมีคำสอนมาเป็นหลักยึดในชีวิต มันทำให้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

Scroll to Top