หลังจากที่มีการแพร่ระบ าดของเชื้ อไวรั สโ ค วิ ด19 เป็นผลให้โรงเรียนยุดทำการเรียนการสอน และเลื่อนเปิดเทอมออกไปหลายครั้ง ทำให้น้องๆ นักเรียนจำเป็นต้องเรียนออนไลน์ สำหรับผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน คงเฝ้ารอวันเปิดเทอม เพื่อให้ลูก ๆ ได้ไปเรียนหนังสือ เนื่องจากช่วงเวลาหยุดลูกหลานจะเล่นเกมทั้งวัน จึงเป็นห่วงว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน
อย่างไรก็ตาม มีข่ าวทางโลกออนไลน์ออกมาให้เราได้ชื่นใจ และชื่นชม สำหรับนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ที่ใช้เวลาช่วงโรงเรียนหยุด ช่วยพ่อแม่เก็บขยะข าย โดยไม่เคยอาย ไม่เคยท้ อ และยังเรียนออนไลน์ผ่านมือถือ ท่ามกลางกองขยะรีไซเคิล แถมเรียนเก่งได้เกรดเฉลี่ยถึง 3.84
น้องชื่อ นางสาวเกนจิรา คะนองมาตย์ หรือ “น้องใหม่” อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 3 บ้านหนองเครือ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีความมานะตั้งใจขยันเรียนหนังสือ แม้ว่าฐานะทางครอบครัวจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก
หลังจากมีการเลื่อนวันเปิดเทอม ซึ่งทางโรงเรียนห้วยแถลงวิทยาคม ยังไม่เปิดการเรียนการสอนในห้องเรียน แต่ให้นักเรียนทุกคนเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ซึ่ง “น้องใหม่” ต้องเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านที่เต็มไปด้วยกองขยะรีไซเคิลรอบบ้าน เพราะพ่อกับแม่มีอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่น้องใหม่ก็ไม่ได้รังเกียจ แต่กลับช่วยพ่อกับแม่เก็บของเก่ามาตั้งแต่อายุ 10 ปีจนกระทั่งปัจจุบัน
น้องใหม่ เปิดเผยว่า ต้องการช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ โดยจะออกไปเก็บของเก่าทุกๆ วันในช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าจะต้องเรียนออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงจะไปช่วยพ่อกับแม่เก็บของเก่า ตามบ่อขยะ และถังขยะที่อยู่ในหมู่บ้าน พอได้ของเก่าเต็มรถเข็น ก็จะนำมาคัดแยกที่บ้าน ก่อนที่จะนำไปข ายให้กับร้านรับซื้อของเก่า ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กโดยไม่เหน็ดเหนื่อยและไม่อายเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ของเก่าที่เก็บมาข าย เป็นเงินที่นำมาใช้ในการศึกษาต่อ เพราะต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อไปให้ถึงความฝันที่ต้องการเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชาวบ้านที่พบเห็นและรู้จักต่างชื่นชมเอาใจช่วยน้องใหม่ที่เป็นเด็กกตัญญู แถมยังเรียนเก่ง ให้สามารถไปให้ถึงฝันได้โดยเร็ว
ถึงแม้อุปส ร ร คในชีวิตจะมีมามากน้อยแค่ไหน หากเราปลูกฝังและสอนลูก ๆ ให้รู้จักเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ไม่ปล่อยให้เล่นมากเกินไป น่าจะส่งผลดีกับเด็กในอนาคต เชื่อว่าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ รวมไปถึงการเอาตัวร อดได้ในสังคมปัจจุบัน ดังนั้น อย่ารักลูกแบบ “พ่อแม่รังแกฉัน” ไม่ยอมให้ลูกช่วยเหลือตัวเองทั้งที่สามารถฝึกฝนได้
เพราะสุดท้ายเมื่อเขาโตขึ้น คุณจะไม่ต้องมาคอยแก้ปั ญหาตามหลัง
ขอบคุณที่มา: Ammarintv.com